วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

โปรแกรมประมวลคำ




      ซอฟต์แวร์ประมวลคำเป็นซอฟต์แวร์ในการนำตัวอักษรมาเรียงต่อเป็นคำ ประโยคหรือย่อหน้าคล้ายเครื่องพิมพ์ดีดพิมพ์ข้อความบนกระดาษ แต่ต่างกันที่ตัวอักษรที่พิมพ์หรือป้อนเข้าทางแผงแป้นอักขระจะเข้าไปเก็บอยู่ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถดัดแปลงได้ง่าย ภาย ใต้ข้อกำหนดของซอฟต์แวร์ผู้ใช้สามารถกำหนดปรับแต่งรูปแบบได้ตามต้องการ เช่นการกำหนดเส้นกั้นหน้าและกั้นหลัง กั้นบนและกั้นล่าง เมื่อมีการแก้ไขจนเป็นที่พอใจแล้วสามารถสั่งพิมพ์เอกสารออกทางเครื่องพิมพ์ได้หลายชุดตามที่ต้องการ เอกสารที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์ จะมีคุณภาพดีไม่มีรอยเปื้อนจากการแก้ไขดัดแปลง

          นอกจากนี้ยังสามารถเก็บบันทึกเอกสารนั้นเป็นแฟ้มในสื่อบันทึก เช่น แผ่นบันทึกเพื่อให้พกพาติดตัวไปใช้กับเครื่องอื่น แฟ้มเอกสารที่เก็บไว้แล้วนี้สามารถเรียกมาแสดงผลบนจอภาพเพื่อทำการดัดแปลงใหม่ได้อีกด้วย

          ลักษณะใช้งานซอฟต์แวร์ประมวลคำจะเป็นการเตรียมเอกสารที่มองเห็นงานพิมพ์ไปปรากฎที่จอภาพ ถ้าพิมพ์ผิดและต้องการแก้ไขเพิ่มหรือตัดทอนที่ตำแหน่งใด จะต้องเคลื่อนย้ายตัวชี้หรือตัวกระพริบบนจอภาพไปยังตำแหน่งนั้น เพื่อทำการแก้ไข เนื่องจากสามารถแทรก หรือลบอักษรหรือข้อความได้ตลอดและโปรแกรมจะคงรูปให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ จึงทำให้ไม่เสียเวลาและสิ้นเปลืองเหมือนการพิมพ์เอกสารด้วยเครื่องพิมพ์ดีดซึ่งถ้ามีข้อผิดพลาดจะต้องพิมพ์ใหม่

รูปที่ 6.4 ตัวอย่างการใช้ซอฟต์แวร์ประมวลคำ Microsoft Word

ซอฟต์แวร์ประมวลคำมีคุณสมบัติดีเด่นกว่าการเตรียมเอกสารด้วยเครื่องพิมพ์ดีดหลายประการ อาจสรุปได้ดังนี้

     1) สามารถควบคุมสั่งจัดวางรูปแบบเอกสารได้ใหม่ตามต้องการ โดยจะพิมพ์ผลลัพธ์ออกมาตามรูปแบบที่กำหนด เช่น การกำหนดจำนวนตัวอักษรในแต่ละบรรทัด การกำหนดตำแหน่งเริ่มต้นว่าจะชิดขอบซ้ายและตำแหน่งจบบรรทัดให้ชิดขอบขวาที่ตำแหน่งใด เป็นต้น

     2) ช่วยควบคุมแก้ไขดัดแปลงข้อความเป็นกลุ่มคือ สามารถสั่งทำการลบเคลื่อนย้ายหรือสำเนา ข้อความเป็นคำ ประโยคหรือย่อหน้า จากตำแหน่งหนึ่งไปยังตำแหน่งอื่นของเอกสารได้ง่าย

     3) สามารถควบคุมการแสดงตัวอักษรของข้อความที่อาจเป็นตัวเข้ม ตัวหนา ตัวเอียง และขีดเส้นใต้ที่ตำแหน่งต่างๆ ได้อย่างอิสระ การพิมพ์เอกสารออกทางเครื่องพิมพ์จะได้แบบของตัวอักษรที่สวย งามตามต้องการ

     4) เอกสารที่จัดเตรียมไว้สามารถทำการจัดเก็บลงในเผ่นบันทึกในรูปของแฟ้มข้อมูล และสามารถเรียกแฟ้มนั้นออกจากแผ่นบันทึกกลับมาลงหน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อทำการแก้ไขข้อความบนจอภาพได้ทันที

     5) มีคำสั่งในการเรียกค้นคำหรือข้อความที่มีอยู่ในเอกสารได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้สามารถแก้ไขดัดแปลงได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น นอกจากการเรียกค้นแล้ว ยังสามารถให้มีการแทนที่คำหรือข้อ ความเดิมด้วยข้อความใหม่ได้ทันทีอย่างอัตโนมัติ เช่น การเปลี่ยนข้อความจาก "คอมพิวเตอร์" เป็น "ไมโครคอมพิวเตอร์" ในทุก ๆ แห่งที่พบในเอกสารนั้นเป็นต้น

     6) มีคุณสมบัติให้สามารถทำการเชื่อมแฟ้มข้อความที่อาจเป็นจดหมายกับแฟ้มข้อมูลที่เป็นชื่อหรือที่อยู่บริษัท เพื่อทำการพิมพ์เอกสารเอกสารลักษณะแบบเดียวกันหลาย ๆ ชุด พร้อม ๆ กัน เช่น การส่งจดหมายเชิญประชุมถึงผู้จัดการบริษัทต่างๆ จำนวนมาก โดยเนื้อหาของข้อความในจดหมายทุกฉบับเหมือนกัน ต่างกันที่ชื่อบริษัท ซอฟต์แวร์ประมวลคำจะพิมพ์จดหมายให้เองครบทุกฉบับด้วยการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทเท่านั้น
ลักษณะพิเศษที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเป็นเกณฑ์มาตรฐานทั่วไปของซอฟต์แวร์ประมวลคำ ในปัจจุบันซอฟต์แวร์ได้มีการพัฒนาให้ทำงานได้มากขึ้น ใช้งานได้สะดวกขึ้น ซอฟต์แวร์ประมวลคำยุคใหม่ก็ได้มีการพัฒนาเพิ่มคุณสมบัติอื่น ๆ อีกมาก คุณลักษณะที่เพิ่มขึ้นได้แก่

               การช่วยงานด้านการตรวจสอบตัวสะกด โดยการเปรียบเทียบข้อมูล กับ พจนานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ที่เก็บในรูปของแฟ้ม ถ้ามีการสะกดผิดก็จะมีคำที่คาดว่าถูกต้องแสดงให้เลือกพิจารณาเข้ามาแทนที่

               การแสดงความหมายของคำต่าง ๆ ที่มีเก็บในพจนานุกรมเรียบร้อยแล้ว และการเลือกคำพ้องความหมายแทนที่คำเดิม

               - การสร้างข้อมูลในรูปแบบตารางได้ง่ายและสะดวก

               - การนำรูปภาพมาผสมรวมกับข้อมูลที่มีแต่ตัวอักษร โดยจะทำงานอยู่ในภาวะกราฟิก พิมพ์ได้ทั้งตัวอักษรและรูปภาพ เราสามารถเลือกชุดแบบตัวอักษรได้หลายแบบอย่าง

               - การช่วยงานด้านการตรวจสอบรูปแบบหรือรูปแบบของประโยค ซึ่งจะเป็นการตรวจสอบไวยากรณ์ทางภาษา และ วิเคราะห์ความน่าอ่านหรือความสละสลวยของเอกสาร วิธีการของการตรวจสอบนี้จะใช้หลักวิชาทางปัญญาประดิษฐ์ว่าด้วยกฎและข้อเท็จจริงทางภาษาศาสตร์ ซึ่งรูป แบบของประโยคที่โปรแกรมสามารถวิเคราะห์ได้ในปัจจุบัน จะยังอยู่ในวงจำกัดเฉพาะที่ใช้งานในวงการบริหารธุรกิจเท่านั้น

โปรแกรมตารางการทำงาน
          การวิเคราะห์และคำนวณตัวเลขของวิศวกร ด้วยการสร้างเป็นรูปแบบจำลองในลักษณะของสูตรคำนวณ และสมการทางคณิตศาสตร์ มักมีการขีดเขียน คำนวณ และจดบันทึกลงในกระดาษ โดยมีเครื่องคิดเลขเป็นเครื่องมือช่วยในการคำนวณ การคำนวณตามงานที่ออกแบบ หรือการค้นหาคำตอบของรูปแบบจำลองสมการที่สร้างขึ้น นับเป็นงานที่น่าเบื่อ และต้องใช้ความอดทนมากพอสม ควร เพราะวิศวกรจะต้องทำการคำนวณใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลาย ๆ ครั้ง ตามการแปรเปลี่ยนอย่างไม่หยุดนิ่งขององค์ประกอบหรือปัจจัยสำคัญของงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากงานนั้นเกี่ยวข้องกับความ  ปลอดภัยของชีวิต และทรัพย์สินด้วย การคำนวนต่าง ๆ ก็ต้องยิ่งระมัดระวังให้มีการตรวจทาน เพื่อ ให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและแม่นยำ

รูปที่ 6.5 ตัวอย่างการใช้ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน

         ซอฟต์แวร์สำเร็จตารางทำงาน หรือกระดาษอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเครื่องมือช่วยเพื่อการวิเคราะห์และคำนวณตัวเลขให้กับวิศวกรได้เป็นอย่างดี เพราะการใช้งานซอฟต์แวร์นี้ จะเปรียบเหมือนกับการนั่งทำงานบนโต๊ะทำงาน ที่มีกระดาษแผ่นใหญ่ ๆ ประกอบด้วยตารางสี่เหลี่ยมของช่องตามแนวแถวและสดมภ์จำนวนมากมายปรากฏบนจอภาพ โดยแต่ละช่องบนแผ่นกระดาษอิเล็กทรอนิกส์นี้จะเก็บข้อความเป็นตัวอักษร หรือตัวเลข หรือสูตรคำนวณ

          ภายในซอฟต์แวร์ตารางทำงานจะมีฟังก์ชันต่าง ๆ จัดมาให้เลือกใช้เรียบร้อยแล้ว เช่น ฟังก์ชันการคำนวณทางคณิตศาสตร์ ฟังก์ชันการคำนวณทางสถิติ ฯลฯ ซึ่งฟังก์ชันเหล่านี้เปรียบได้กับเครื่องคิดเลขที่วางบนโต๊ะทำงานผู้ใช้สามารถนำข้อมูลจากช่องต่างๆบนกระดาษมาเป็นตัวแปร


ของฟังก์ชัน หรือสูตรคำนวณ เพื่อคำนวณให้ได้ผลลัพธ์ออกมา และนำไปใช้ในการคำนวณของช่องอื่น ๆ ต่อไป

         ข้อมูลในช่องต่างๆ บนตารางทำงานสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้โดยง่ายด้วยการสั่งงานตาม คำสั่งที่ปรากฏบนรายการเมนู ซึ่งการเปลี่ยนแปลงแก้ไขนี้เปรียบได้กับการมียางลบที่ทำการลบ แล้วบันทึกค่าลงไปใหม่  ถ้าตารางทำงานนี้ไม่ถูกต้องใช้งานไม่ได้  ผู้ใช้อาจลบทั้งตาราง และ สร้างใหม่เหมือน การขยำกระดาษโยนใสถังขยะทิ้งไป แต่ถ้าตารางทำงานนี้ใช้งานได้ดีแล้ว ผู้ใช้ก็สามารถทำการบันทึกข้อมูลไว้ในแผ่นบันทึกเพื่อนำมาใช้งานใหม่ภายหลัง

          ขีดความสามารถพิเศษของตารางการทำงานมีมากมาย เช่น สามารถแสดงรายงาน ต่าง ๆ ในรูปแบบที่สวยงาม พิมพ์เป็นกราฟิกรูปภาพ หรือการแสดงผลอื่น ๆ

ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล
         ในสังคมเทคโนโลยีสารสนเทศยุคปัจจุบัน ข้อมูลที่มีอยู่จำนวนมากมายจะต้องมีการจัดเก็บนำ มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ การรวบรวมและเก็บข้อมูลไว้ด้วยกันจะช่วยให้การเรียกค้นเพิ่มเติมเพื่อเปลี่ยนแปลงทำได้ง่ายซึ่งการรวบรวมข้อมูลเข้าด้วยกันนี้เรียกว่าฐานข้อมูล ประโยชน์ของการใช้ฐาน ข้อมูลจะช่วยให้สามารถใช้ข้อมูลร่วมกัน ช่วยหลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อนของข้อมูลที่จะเกิดขึ้น ช่วยขจัดความขัดแย้งของข้อมูลและสามารถกำหนดความเป็นมาตรฐานเดียวกันได้ง่าย เป็นต้น

       ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลช่วยให้ผู้ใช้ดำเนินการจัดการข้อมูลได้ง่าย และมีให้เลือกใช้ได้หลาย ซอฟต์แวร์ ทุกซอฟต์แวร์เน้นให้ผู้ใช้สามารถสร้างแฟ้มข้อมูล ช่วยในการจัดเก็บ การขอดู การเรียกค้น การเพิ่มเติม การลบ การจัดเรียง และการทำรายงาน

        การจัดเก็บฐานข้อมูลภายใต้การทำงานของซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล เป็นเรื่องทางเทคนิคภายในที่ยุ่งยากซับซ้อน ผู้ใช้งานฐานข้อมูลทั่วไปไม่จำเป็นต้องเข้าใจ เพราะซอฟต์แวร์จัดการฐาน ข้อมูลยังสามารถควบคุมความถูกต้องของข้อมูล ในฐานข้อมูลข้อมูลที่ปรากฎในฐานข้อมูลจะต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์ความถูกต้องเช่น เมื่อกำหนดว่าพนักงานของบริษัทแต่ละคน จะทำงานได้เพียงแผนกเดียวพนักงานนั้นจะมีชื่อไปปรากฎสังกัดแผนกอื่นมากกว่าหนึ่งไม่ได้หรืออายุของพนักงาน จะมีค่ามากกว่าร้อยปีไม่ได้ เป็นต้น นอกจากนี้ความถูกต้องของข้อมูลจะรวมถึงว่าข้อมูลในฐานข้อมูลต้องสอดคล้องหรือไม่เกิดการขัดแย้งกัน เช่น วันเกิดของพนักงานที่แสดงไว้ในที่ต่าง ๆ จะต้องบันทึกไว้ตรงกัน

           ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลจะต้องมีคำสั่งซึ่งอาจเลือกได้จากเมนูรายการคำสั่ง เพื่อให้ผู้ใช้ งานสามารถกำหนดกฏเกณฑ์ในการควบคุมการทำงาน เมื่อมีกำหนดกฏเกณฑ์ไว้แล้ว ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลจะทำหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมความถูกต้องให้กับผู้ใช้

รูปที่ 6.6 ระบบฐานข้อมูลเชื่อมโยงได้ทั้งภาพ เสียงและวีดิทัศน์

          ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลมีมากมายหลายโปรแกรม ส่วนใหญ่เน้นการใช้งานที่ง่ายและใช้งานในระบบผู้ใช้คนเดียว หรือเชื่อมโยงเป็นกลุ่ม ตลอดจนเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลอื่น ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลที่รู้จักกันดี ได้แก่ ดีเบส ฟอกซ์เบส แอกเซส เป็นต้น

ซอฟต์แวร์กราฟิก
          การนำเสนอข้อมูลตัวเลข โดยปกติจะอยู่ในรูปของตาราง เป็นแถวและสดมภ์ ซึ่งไม่ใช่วิธีการนำเสนอข้อมูลที่ดี เพราะการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบตารางไม่ดึงดูดความสนใจ และตีความข้อมูลตัวเลขได้ลำบากไม่สมบูรณ์ การแปลงข้อมูลตัวเลขให้อยู่ในรูปภาพและแผนภูมิจะเป็นวิธีที่ดีและมีประสิทธิภาพสูง เพราะการนำเสนอข้อมูลด้วยวิธีนี้จะดึงดูดความสนใจสื่อความหมายได้กระจ่างชัด และเข้าใจง่าย

          ในปัจจุบันนิยมนำข้อมูล มาเขียนเป็นแผนภูมิ หรือนำข้อมูลมาวิเคราะห์คำนวณตัวเลขทางสถิติ ได้ข้อมูลตัวเลขชุดใหม่ แล้วจึงค่อยนำมาสร้างเป็นแผนภูมิ ซึ่งแผนภูมิที่ได้นี้จะนำไปเสนอต่อผู้บริหารระดับสูงเพื่อใช้วางแผนและตัดสินใจ หรืออาจใช้เพื่อนำเสนอบุคคลทั่วไป เพื่อการประชา สัมพันธ์ แผนภูมิทางธุรกิจเพื่อการนำเสนอมักมีการจัดทำขึ้นเป็นพิเศษเพราะจะต้องให้เข้าใจง่าย ดึงดูดความสนใจต่อผู้พบเห็น

          นักธุรกิจส่วนใหญ่ไม่มีความรู้หรือทักษะในการเลือกชนิดและสร้างแผนภูมิเพื่อการนำเสนอ เพราะแผนภูมิทางธุรกิจมีหลายชนิด เช่น แผนภูมิแท่ง แผนภูมิวงกลม กราฟเส้นตรง ฯลฯ แผนภูมิแต่ละชนิดก็เหมาะสำหรับการนำเสนอที่แตกต่างกัน การเลือกชนิดของแผนภูมิก็เป็นเรื่องสำคัญมากอันหนึ่งที่ชี้บอกข้อมูล ทางออกที่ดีของนักธุรกิจจึงเป็นการแจ้งความต้องการของตน แล้วมอบให้กับแผนกศิลป์ ช่วยเลือกชนิดแล้วสร้างแผนภูมิให้ ในกรณีนี้ค่าใช้จ่ายของการสร้างแผนภูมิจะค่อนข้างสูง และใช้เวลาค่อนข้างนานจึงจะเสร็จ ถึงแม้ว่าเสร็จเรียบร้อยแล้วก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติม ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นและใช้เวลายาวนานขึ้นอีก

          ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ทางด้านกราฟิกให้เลือกใช้มาก ซึ่งซอฟต์แวร์เหล่านี้จะเน้นการใช้งานที่ง่ายและสะดวก มีชนิดของแผนภูมิให้เลือกใช้หลายแบบตามความเหมาะสมของข้อมูล การจัดแต่งและการจัดรูปแผนภูมิใหม่สามารถทำได้ง่ายด้วยคำสั่งเพียง หรือ คำสั่ง นอกจากนี้ยังสามารถโอนย้ายข้อมูลจากซอฟต์แวร์สำเร็จอื่น เช่น จากระบบฐานข้อมูลและตารางทำงาน มาแสดงแผนภูมิได้ด้วย
แผนภูมิที่ได้จากซอฟต์แวร์สำเร็จข้างต้นให้ผลของภาพชัดเจน และละเอียดดี ไม่แพ้ภาพของแผนกศิลป์ การสร้างปรับแต่งภาพ ก็สามารถทำได้รวดเร็ว นอกจากนี้ยังสามารถเก็บภาพที่ได้ใส่ไว้ในแผ่นบันทึกในรูปของแฟ้มข้อมูล และ นำผลออกทางเครื่องพิมพ์ เครื่องวาดรูป หรือ ออกเป็นภาพสไลด์ก็ได้ การฝึกใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จด้านกราฟิกจะเป็นการตัดบทบาทขั้นตอนของแผนกศิลป์ออกไป หน่วยงาน หรือบริษัทเล็ก ๆ ก็สามารถสร้างงานกราฟิกทางธุรกิจได้เป็นอย่างดีเป็นการประหยัดเงินและเวลาได้มาก

          ซอฟต์แวร์ด้านกราฟิกแบ่งได้หลายประเภทของการใช้งาน เช่น ทางธุรกิจ ทางการออกแบบ ซอฟต์แวร์กราฟิก ทางธุรกิจจะช่วยในงานด้านวิเคราะห์  และ เสนอข้อมูลในรูปของแผนภูมิ  โดยสามารถจัดแต่งรูปแผนภูมิเพื่อสวยงามและนำเสนอและจูงใจผู้ชม

        โดยทั่วไปแล้วซอฟต์แวร์ด้านนี้จะสามารถสร้างแผนภูมิหลักที่สำคัญต่อไปนี้ได้ คือ แผนภูมิแท่ง แผนภูมิแท่งซ้อน แผนภูมิแท่งเหลื่อมทับ แผนภูมิวงกลม แผนภูมิวงกลมแยกส่วน กราฟเส้นตรงแผน ภูมิกระจัดกระจาย แผนภูมิพื้นที่ และแผนภูมิสูงต่ำ

          ในการปรับแต่งรูปแผนภูมิสามารถกำหนดข้อความ หัวเรื่อง ข้อความอธิบายแกน เลือกขนาด และชุดแบบอักษร เลือกสี และแถบระบายของแท่ง หรือชิ้นส่วนแผนภูมิ และแทรกภาพสัญลักษร์เข้ารวมในรูปแผนภูมิ นอกจากนี้ในการรับข้อมูลเข้าสามารถเลือกรับจากแผงแป้นอักขระจากแฟ้มข้อมูล หรือจากโปรแกรมสำเร็จอื่นเช่นรับแฟ้มตารางทำงานมาปรับแต่งแผนภูมิให้ดีขึ้นได้ เพิ่มความสะดวก ในการใช้งานกราฟิกเชิงธุรกิจอีกด้วย

แนวความคิดเกี่ยวกับซอฟต์แวร์
          ถ้าหน่วยประมวลผลหรือโปรเซสเซอร์ (Processor) เปรียบเสมือนนิวเคลียสของระบบคอมพิวเตอร์ โปรแกรมจัดระบบงาน (Operating System) ก็เปรียบเสมือนนิวเคลียสของซอฟต์แวร์ทั้งหมด ปกติแล้วโปรแกรมจัดระบบงานเป็นครอบครัวหนึ่งของระบบซอฟต์แวร์ และเป็นโปรแกรมซึ่งส่วนมากบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์จะเป็นผู้เขียนขึ้น
          โปรแกรมจัดระบบงานสำหรับเมนเฟรมคอมพิวเตอร์
          เนื่องจากโปรแกรมจัดระบบงานของมินิคอมพิวเตอร์ เมนเฟรมคอมพิวเตอร์และซูเปอร์คอมพิวเตอร์เหมือนกัน จึงจะอธิบายในหัวข้อเดียวกัน ดังนี้
               วัตถุประสงค์ในการออกแบบ
               ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทั้งหมด ทั้งระบบงานและการประยุกต์ใช้งาน จะถูกควบคุมโดยโปรแกรมจัดระบบงาน ดังนั้นโปรแกรมจัดระบบงานมักจะถูกเรียกว่า “หัวหน้าหรือบอส”(The Boss) โปรแกรมจัดระบบงาน สำหรับเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมบางโปรแกรม ได้แก่ MVS และ VM/370 ของไอบีเอ็ม ของดีอีซี และ UNIX ของเอทีแอนด์ที ตรรกะ โครงสร้าง และวิธีการให้ชื่อของโปรแกรมจัดระบบงานดังกล่าวหรือโปรแกรมจัดระบบงานอื่นๆอาจแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม โปรแกรมจัดระบบงานจะมีวัตถุประสงค์ในการออกแบบคล้ายคลึงกันอยู่ ประการ คือ
1. ทำให้ใช้ “เวลาทำงานบริบูรณ์” (Runaround Time) น้อยที่สุด คือระยะเวลารวมทั้งหมดในการทำงานหนึ่งจนสำเร็จ นับเวลาตั้งแต่อ่านโปรแกรม แปลโปรแกรมเป็นภาษาเครื่องประมวลผลข้อมูล และพิมพ์ออกมาเป็นรายงาน
2. ทำให้ “สมรรถนะของเครื่องคอมพิวเตอร์” (Throughput) สูงที่สุด คือความสามารถของระบบในการประมวลข้อมูลจำนวนหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่ง
3. ทำให้เกิดความประหยัดในการใช้ทรัพยากรต่างๆของระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยประมวลผล หน่วยความจำปฐมภูมิและอุปกรณ์ต่างๆ
4. ทำให้การสื่อสารระหว่างระบบคอมพิวเตอร์กับผู้ใช้เมื่อ Run งาน มีความคล่องตัวง่าย สะดวก
          โปรแกรมดูแลหรือซูเปอร์ไวเซอร์ (The Supervisor)
          โดยปกติโปรแกรมจัดระบบงานบางส่วนจะฝั่งตัวอยู่ในหน่วยความจำปฐมภูมิ โปรแกรมส่วนนี้เรียกว่า “ซูเปอร์ไวเซอร์” ทำหน้าที่บรรจุ (Load) โปรแกรมจัดระบบงานและโปรแกรมประยุกต์อื่นๆ ที่ผู้ใช้ต้องการจากหน่วยความจำทุติยภูมิมาไว้ที่หน่วยความจำปฐมภูมิ และเชื่อมโยงโปรแกรมที่ผู้ใช้เขียนขึ้นเองด้วยภาษาCOBOL แล้วแปลโปรแกรมนี้ (Soirceprogram)

เป็น Object Program และใช้ระบบ Linkage Editor เปลี่ยน Object Program ให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถใช้ปฏิบัติการได้ (Execution)
          การจัดสรรทรัพยากรต่างๆ ในระบบคอมพิวเตอร์
       ในระบบคอมพิวเตอร์โดยทั่วไปงานหลายๆงานจะส่งเข้าปฏิบัติการในเวลาเดียวกันได้ โปรแกรม จัดระบบงานจะตัดสินใจว่า ทรัพยากรของระบบคอมพิวเตอร์ใดจะจัดสรรสำหรับโปรแกรมใด ยกตัว อย่างระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเครื่องพิมพ์เพียงเครื่องเดียวแต่มีงานต้องพิมพ์ งาน ในขณะที่งานหนึ่งกำลังพิมพ์ อีก งานจะต้องรอ โปรแกรมจัดระบบงานจะจัดการว่างานใดพิมพ์ต่อไปจนครบทุกงาน โดยจัดสรรทรัพยากรตามความเหมาะสม

          การปฏิบัติเชิงโต้ตอบกับเจ้าหน้าที่ควบคุมเครื่อง (Operator)
          โปรแกรมจัดระบบงานจะมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่องโดยผ่านทางจอภาพ VDT ของ Console อาจเป็นการบอกความต้องการให้เจ้าหน้าที่นำข้อมูลเข้าโปรแกรมจัดระบบงานจะส่งข้อความไปยังเจ้าหน้าที่ควบคุมเครื่อง เช่น ข้อความว่า “เครื่องพิมพ์หมายเลขยังไม่ได้ใส่กระดาษ” เป็นต้น และเจ้าหน้าที่ควบคุมเครื่องก็สามารถ บอกความต้องการหรือออกคำสั่งไปยังโปรแกรมจัดระบบงาน ยกตัวอย่าง เช่น เจ้าหน้าที่ควบคุมเครื่องต้องการให้โปร แกรมใดทำงานก็จะบอกผ่าน Console

          การปฏิบัติงานเชิงโต้ตอบกับนักโปรแกรม (Programmer)
       นักโปรแกรมหรือผู้เขียนโปรแกรมสามารถโต้ตอบกับโปรแกรมจัดระบบงานด้วยการใช้โปรแกรม ประยุกต์ที่เขียนขึ้น หรือใช้ “ภาษาควบคุมงาน หรือ JCT” (Job Control Language) ภาษาซึ่งนักโปรแกรมใช้เพื่อติดต่อกับโปรแกรมจัดระบบงานในการประมวลผลข้อมูล นักโปรแกรมใช้ JCT กำ- หนดการเรียงลำดับงานที่จะประมวลข้อมูลด้วยโปรแกรมที่เขียนขึ้นคือใช้ โปรแกรม JCT บอกโปร- แกรมจัดระบบงานเกี่ยวกับภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม และ แหล่งเก็บข้อมูลที่จะใช้ในการประมวลผล เช่น ข้อมูลเก็บไว้ในจานแม่เหล็ก เป็นต้น )
           ความเข้ากันได้หรือทดแทนกันได้
          โดยทั่วไปโปรแกรมจัดระบบงานจะมีให้เลือกสำหรับมินิคอมพิวเตอร์ เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ และสำหรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์  ผู้ใช้จะเลือกโปรแกรมจัดระบบงานสำหรับคอมพิวเตอร์ที่นำมาใช้งาน  มีโปรแกรมจัดระบบงานบางโปรแกรมที่ช่วยใน “การแบ่งเวลา” (Time Sharing) คือ ระบบคอมพิวเตอร์ที่ให้ผู้ใช้หลายคนสามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เดียวพร้อมกันได้ หรือ สำหรับการประมวลที่ดีขึ้น (ยกตัวอย่าง เช่น การประมวลผลทางคณิตศาสตร์ที่มีสูตรซับซ้อน) และงาน “การ 



ประมวลผลข้อมูลแบบกระจายจากศูนย์กลาง” (Distributed Processing) การประมวลผลข้อมูลพร้อมกันทั้งของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นศูนย์กลางและเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ ที่อยู่ในระบบสื่อสารหรือเครือข่ายเดียวกัน
          โปรแกรมจัดระบบงานของคอมพิวเตอร์เสมือนนั้นจะมีประโยชน์มากสำหรับบริษัทที่ผ่านการประมวลผลจากระบบที่มีสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน  โดยทั่วไปคอมพิวเตอร์เสมือนหรือ VM จะปรับสภาพแวดล้อมแบบเก่าในขณะที่โปรแกรมประยุกต์ถูกปรับปรุงให้ Run ในสภาพแวดล้อมแบบใหม่ โปรแกรมจัดระบบงานคอมพิวเตอร์เสมือนจะอำนวยประโยชน์ได้ดีที่สุดสำหรับงานที่ใช้โปรแกรมอดีตและปรับปรุงให้ก้าวทันเทคโนโลยีใหม่
         
โปรแกรมจัดระบบงานสำหรับไมโครคอมพิวเตอร์
               วัตถุประสงค์และหน้าที่
               ซอฟต์แวร์ระบบที่ควบคุมระบบการทำงานของเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถมากที่สุดคือโปรแกรมจัดระบบงาน  โปรแกรมจัดระบบนี้ประกอบด้วยซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่จัดการ และควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ของไมโครคอมพิวเตอร์ เช่น หน่วยประมวลผลกลาง หน่วยความจำปฐมภูมิและหน่วยความจำสำรอง หน่วยรับข้อมูล หน่วยแสดงผล รวมทั้งซอฟต์แวร์อื่นๆ เช่น ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ประยุกต์ต่างๆ โปรแกรมจัดระบบงานช่วยทำให้การทำงานของไมโครคอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและผู้ใช้ไมโครคอมพิวเตอร์สามารถสั่งงานเครื่องได้สะดวกขึ้น

      โปรแกรมจัดระบบงานทำหน้าที่เสมือนเป็นหัวหน้าของเครื่องและคำสั่งคอมพิวเตอร์
          เพราะว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ คำสั่งคอมพิวเตอร์และการนำเข้า/แสดงผล จะถูกควบคุมโดยโปรแกรมจัดระบบงาน
          โปรแกรมจัดระบบงานประกอบด้วยโปรแกรมย่อย Command.com (อ่านว่า คอมมานด์    จุดคอม) เมื่อผู้ใช้เปิดเครื่อง โปรแกรมจัดระบบงานจะปลุกเครื่อง (boot) โปรแกรมย่อย Command.com จะถูกอ่านจากแผ่นจานแม่เหล็ก(Load) เข้าไปไว้ที่หน่วยความจำแบบแรม โปรแกรมนี้จะฝั่งตัว (Resident) ในหน่วยความจำแบบแรม สามารถเรียกคำสั่งในโปรแกรมนี้มาใช้ได้ในขณะที่ทำงาน
          โปรแกรมจัดระบบงาน มีหน้าที่สำคัญ ประการ คือ
1.ควบคุมการนำเข้าและแสดงผล ควบคุมการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ
               หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู หน่วยความจำแบบแรม และโปรแกรมต่างๆ โปรแกรมจัดระบบงานมีส่วนของโปรแกรมที่ทำหน้าที่จัดการติดต่อสั่งงานและควบคุมการทำงานของอุปกรณ์นำเข้าและอุปกรณ์แสดงผลเช่นการรับข้อมูลจากแป้นพิมพ์ การแสดงผลทางจอภาพและเครื่องพิมพ์  โปรแกรมเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ใช้ใช้เครื่องและผู้เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ภาษาต่างๆ สามารถติดต่อกับอุปกรณ์นำเข้าและอุปกรณ์แสดงผลได้สะดวกขึ้น เช่น การสั่งให้หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียูคอยรับข้อมูลจากแป้นพิมพ์ การสั่งให้หน่วยประมวลผลกลางส่งผลลัพธ์แสดงทางจอภาพหรือทางเครื่องพิมพ์ เป็นต้น
          ส่วนของโปรแกรมจัดระบบงานที่สำคัญอีกส่วนหนึ่ง คือ ส่วนที่ทำหน้าที่จัดการเกี่ยวกับหน่วย ความจำของไมโครคอมพิวเตอร์ โปรแกรมแบบนี้จะควบคุมและตรวจสอบจำนวนของหน่วยความจำแบบแรมที่ใช้ไปแล้ว และคำนวณว่า เหลือหน่วยความจำที่ยังไม่ได้ใช้อีกเท่าใด นอกจากนี้ยังทำหน้า ที่จัดสรรเนื้อที่ในหน่วยความจำว่าใช้อย่างไรจึงเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตัวอย่างเช่น การจัดว่าส่วนใดควรจะใช้กับโปรแกรม ส่วนใดควรจะใช้เก็บค่าตัวแปรในโปรแกรม  การจัดสรรเนื้อที่ในหน่วยความ จำแบบแรมนี้โปรแกรมจัดระบบงานจะทำให้เองโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้โปรแกรมจัดระบบ งานยังทำหน้าที่จัดสรรเนื้อใน หน่วยความจำสำรอง คือ จานแม่เหล็ก ว่าแฟ้มข้อมูลหรือแฟ้มโปรแกรมที่ต้องการเก็บไว้ในจานแม่เหล็กควรจะบันทึกไว้ในส่วนใดซึ่งการจัดการเกี่ยวกับหน่วย ความจำนี้โปรแกรมจัดระบบงานจะจัดการในลักษณะที่ทำให้การใช้เนื้อที่ในหน่วยความจำมีประสิทธิภาพง่ายแก่การอ่าน และนำไปไว้ในหน่วยความจำแบบแรม
2.จัดการแฟ้มและจัดการจานแม่เหล็กเมื่อเริ่มเปิดเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์
          โปรแกรมบางส่วนในจานแม่เหล็กจะถูกอ่านไปไว้ที่หน่วยความจำแบบแรมผู้ใช้สามารถเรียก ใช้คำสั่งของโปรแกรมจัดระบบงานได้ โดยการกดคำสั่งผ่านทางแป้นพิมพ์ หน้าที่หลักประการแรกของ โปรแกรมจัดระบบงานคือ การจัดการเกี่ยวกับแฟ้มต่างๆ  โดยทำหน้าที่จัดเก็บแฟ้มข้อมูลและแฟ้มโปรแกรมไว้ในจานแม่เหล็ก โปรแกรมจัดระบบงานจะมีส่วนของโปรแกรมซึ่งผู้ใช้สามารถอ่านข้อมูลจากแฟ้มข้อมูล หรืออ่านคำสั่งจากแฟ้มโปรแกรมที่บันทึกอยู่ในจานแม่เหล็กไปไว้ในหน่วย ความจำแรม  และสั่งให้เครื่องเก็บข้อมูลหรือโปรแกรมจากหน่วยความจำบันทึกลงในจานแม่เหล็ก นอกจากนั้นแล้วผู้ใช้ยังสามารถเรียกแฟ้มข้อมูลหรือแฟ้มโปรแกรมจากจานแม่เหล็กมาทำการปรับ ปรุงแก้ไขตามที่ต้องการได้อีกด้วย

ซอฟต์แวร์ระบบอื่นๆ
         ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ซอฟต์แวร์ หมายถึง โปรแกรมที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ปฏิบัติงานซอฟต์แวร์ แบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆได้ 3ประเภท คือ ซอฟท์แวร์เอนกประสงค์ ซอฟท์แวร์ประยุกต์ และซอฟท์แวร์ ระบบ ซึ่งซอฟท์แวร์ระบบที่กล่าวมาแล้ว คือ โปรแกรมจัดระบบงาน (Operating system) แต่ก็ยังมีซอฟท์แวร์ระบบอื่นๆอีกคือ โปรแกรมแปลภาษาหรือคอมไพเลอร์ ซึ่งใช้แปลโปรแกรมที่ผู้ใช้เขียนให้เป็นภาษาเครื่อง ซอฟท์แวร์อำนวยประโยชน์ซอฟท์แวร์ควบคุมการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ซอฟท์แวร์สื่อสารและซอฟท์แวร์ควบคุมการทำงานของฐานข้อมูล ดังนี้

โปรแกรมอำนวยประโยชน์ (Utility Programs)
        เป็นซอฟต์แวร์สำหรับที่ใช้กันอยู่เป็นประจำ ผู้สร้างเครื่องจึงพัฒนาซอฟต์แวร์เหล่านี้ไว้ในเครื่อง ผู้ใช้คอมพิวเตอร์สามารถเรียกใช้ได้โดยสะดวก ตัวอย่างเช่น คำสั่งทำสำเนาแฟ้มข้อมูล คำสั่งเรียง ลำดับข้อมูลในแฟ้มข้อมูล เป็นต้น สำหรับไมโครคอมพิวเตอร์ การใช้โปรแกรมจัดระบบงาน หรือการใช้โปรแกรมประยุกต์บางอย่างอาจใช้ยุ่งยากรวมทั้งการบำรุงรักษาระบบฮาร์ดแวร์ด้วย ได้มีบริษัทซอฟต์แวร์เฮ้าส์ ผลิตซอฟต์แวร์อำนวยประโยชน์ออกจำหน่าย โปรแกรมเหล่านี้จะมีระบบเมนูเพื่อให้ใช้งานได้ง่าย ช่วยแก้ไขข้อมูลที่ถูกลบไปโดยผู้ใช้ไม่ได้ตั้งใจ ปรับปรุงความเร็วของเครื่อง จัดองค์กรข้อมูล ฯลฯ ตัวอย่างโปรแกรมอำนวยประโยชน์ ได้แก่ Norton Utilities, PC tools เป็นต้น

ซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์(Performance monitoringSoftware)
         เป็นซอฟต์แวร์สำหรับวัดผลการทำงานของเครื่องใช้ติดตามและวันการทำงานของระบบเครื่อง คอมพิวเตอร์ รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆทั้งหมด ประโยชน์ของซอฟต์แวร์นี้คือการให้รายงานผลการทำงาน ของเครื่องคอมพิวเตอร์ต่อไป

ซอฟต์แวร์สื่อสาร (Communication Software)
          ระบบคอมพิวเตอร์ที่ติดต่อกันเป็นเครือข่าย(Network) ซอฟต์แวร์ระบบซึ่งรับผิดชอบการส่งและการขับข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์เรียกว่า ซอฟต์แวร์สื่อสาร หน้าที่ของซอฟต์แวร์สื่อสารรวมถึงการแปลงรูปแบบของข้อมูลที่ใช้รหัสต่างกันระหว่างระบบคอมพิวเตอร์รับและคอมพิวเตอร์ส่ง การตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลที่เกิดผิดพลาดระหว่างการสื่อสาร การกำหนดเส้นทางการสื่อสารในเครือข่าย และการป้องกันการคับคั่งของสื่อสารข้อมูลในเครือข่าย

ซอฟต์แวร์ระบบจัดการฐานข้อมูล (Database Management System Software)
          เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่ควบคุมการใช้งานของฐานข้อมูลที่ต้องการใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลต้องติดต่อผ่านซอฟต์แวร์กลุ่มนี้เสมอ

แนวโน้มของซอฟต์แวร์
          พัฒนาการทางซอฟต์แวร์มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วไม่แพ้ทางด้านฮาร์ดแวร์ สิ่งที่เป็นประจักษ์พยานในเรื่องนี้คือ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ได้ปรับปรุงซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ตลอดเวลา
          แนวโน้มของซอฟต์แวร์จึงอยู่ที่การทำให้ซอฟต์แวรนั้นใช้งานง่าย มีระบบกุย ที่ให้ผู้ใช้เมาส์ หรืออุปกรณ์ชี้ตำแหน่งชี้ได้โดยตรง

          ขณะนี้มีโปรแกรมจัดระบบงานที่เป็นแบบกุย หลายระบบที่มีแนวโน้มของการใช้งานเชื่อมโยงต่อกันเป็นเครือข่ายและใช้งานร่วมกันได้ดี เช่น โปรแกรมวินโดวส์เอ็นที วินโดวส์ 95 โปรแกรมเหล่านี้ทำให้ผู้ใช้ใช้งานคอมพิวเตอร์ได้สะดวกขึ้น

          เมื่อเชื่อมโยงระบบเป็นเครือข่ายมากขึ้น ซอฟต์แวร์รุ่นใหม่จำเป็นต้องทำงานเชื่อมโยงถึงกันในระบบเครือข่ายด้วย การทำงานจะทำงานเป็นกลุ่ม และใช้งานร่วมกัน สามารถดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน
ตัวอย่างโปรแกรมบนเครือข่ายที่ประสบผลสำเร็จอย่างดีในขณะนี้ได้แก่ โปรแกรมการเปิดอ่านหนังสือไฮเปอร์เท็กซ์ แบบสื่อประสมที่เรียกว่า โปรแกรมค้นผ่าน(Browser) โปรแกรมค้นผ่านที่มีชื่อเสียง เช่น เน็ตสเคป (Netscape) โมเสก (mosaic) และ อินเทอร์เน็ต เอ็กโพลเลอร์ (Internet Explorer) โปรแกรมเหล่านี้ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานผ่านเครือข่ายได้โดยง่าย

          อนาคตของซอฟต์แวร์ยังมีหนทางอีกยาวไกล และการพัฒนาซอฟต์แวร์จะยังคงต่อดำเนินการเนื่องต่อไปอีกมาก







คำถาม

เครื่องคอมพิวเตอร์ระดับเมนเฟรมจะสามารถนำมาใช้ในด้านใดได้บ้าง
ก ด้านการโรงแรม และ การศึกษา
ข ด้านการเกษตร และ อุตสาหกรรม
ค ด้านบริการ และ การโรงแรม
ง ด้านธรุกิจ และ การศึกษา
จ ด้านโทรคมนาคม และ การบริการ

ระบบปฏิบัติการเครือข่ายที่นิยมใช้ในปัจจุบันคือระบบใด
ก ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์
ข แอสเซมเบลอ
ค อินเตอร์พรีเตอร์
ง ไคลเอนด์เซิร์ฟเวอร์
จ ซอร์สโคด
ขั้นตอนการพัฒนาซอฟแวร์มีกี่ประเภท
2 ประเภท
3 ประเภท
4 ประเภท
5 ประเภท
6 ประเภท
รูปแบบการส่งมอบแบ่งได้2กลุ่มคือ
ก ซอฟแวร์นำเสนอ ซอฟแวร์กราฟิก
ข ซอฟแวร์ฐานข้อมูล ซอฟแวร์ค้นหาข้อมูล
ค ซอฟแวร์ประมวลผลคำ ซอฟแวร์นำเสนอ
ง ซอฟแวร์กราฟิก ซอฟแวร์ฐานข้อมูล
จ ซอฟแวร์สำเร็จรูป ซอฟแวร์พัฒนาเงินเดือน

ไมโครซอฟต์วินโดว์ใช้งานในรูปแบบใด
ก แบบคิดคำนวณ
ข แบบกราฟิกที่มีสีสันสวยงาม
ค แบบพิมพ์งาน
ง แบบประมวลผล
จ ไม่มีข้อถูก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น